Aerosmith วงร็อคแมวเก้าชีวิต

Aerosmith วงร็อคแมวเก้าชีวิต

คงไม่มีใครปฏิเสธว่าชื่อของวง Aerosmith นั้นเป็นที่รู้จักของคนไทยอย่างกว้างขวาง

I Don’t Want to Miss a Thing บทเพลงบัลลาดใจที่ถูกใช้ประกอบภาพยนตร์เรื่อง Armageddon ซึ่งเกี่ยวกับวันสิ้นโลก ซิงเกิลนี้เป็นเพลงแรกและเพลงเดียวของวงที่สามารถทะยานขึ้นไปติดท็อปชาร์ตของ U.S. Billboard Hot 100 ได้ ไม่เพียงเท่านั้น ในหนังเรื่องนี้ดารานำแสดงหญิงที่ชื่อ ลิฟ ไทเลอร์ ก็เป็นลูกสาวแท้ๆ ของ สวีเวน ไทเลอร์ พ่อปากกว้างนักร้องนำของวงอีกด้วย

แน่นอนว่า เหตุผลหลัก 2 ประการนี้ย่อมทำให้ชื่อของวง Aerosmith เป็นที่จดจำของคนทั่วไป ไม่เว้นแม่กระทั่งคนที่ไม่เคยฟังเพลงของพวกเขามาก่อนก็ตาม

…แต่ก่อนที่ Aerosmith จะดังระเบิดจากเพลงที่ได้บอกไปในย่อหน้าแรก พวกเขาก็ประสบความสำเร็จ แล้วก็ล้มเหลวมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง เปรียบได้ดังกับแมวเก้าชีวิต…

.

.

วันที่ 5 มกราคม 1973 Aerosmith ผลงานอัลบั้มเต็มชุดแรกที่ใช้ชื่อเดียวกับวงได้เผยแพร่สู่สาธารณชน ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้เอง นักข่าวได้ถามทางวงว่าเพลงไหนคือเพลงแรกที่พวกเขาแต่งขึ้น โจ เพอร์รี มือกีตาร์เอ่ยปากบอกว่า “Movin Out เป็นเพลงแรกที่พวกเขาแต่งขึ้น เนื้อเพลงนั้นอธิบายถึงชีวิตของเราได้ดี แล้วก็มีความเป็นบลูส์อยู่มากด้วย”

แทร็คที่ว่าเป็นแทร็คที่ 3 ที่อยู่ในหน้า B แน่นอนว่าเพลงนี้ไม่ได้โด่งดังหรือเป็นที่รู้จักมากเท่ากับเพลง Dream On เพลงบัลลาดที่อยู่ในแทร็คที่ 3 หน้า A ทว่าแทร็คนี้ก็ยังไม่นับว่าประสบความสำเร็จในสมัยนั้น เนื่องจากมันขึ้นไปได้แค่อันดับที่ 59 เท่านั้น

แต่อย่างไรก็ดี การจะเป็นประวัติศาสตร์ได้นั้นไม่จำเป็นที่จะต้องเริ่มต้นด้วยความสำเร็จเสมอไป…

ย้อนกลับไปยุค 60s สตีเวน ไทเลอร์ ทั้งวงของตนเองขึ้นมา ใช้ชื่อว่า The Strangeurs แล้วก็เปลี่ยนชื่อเป็น Chain Reaction ในเวลาต่อมา ในขณะที่ โจ เพอร์รี มือกีตาร์ และ ทอม แฮร์มิลตัน มือเบส ซึ่งมีวงชื่อ Jam ก็ได้ โจอี เครเมอร์ มือกลองที่ดีกรีจากเบิร์กลีย์ สถาบันดนตรีชื่อดังมาร่วมเล่นด้วย

ในเวลาต่อมา ทั้ง 2 วง ได้มีโอกาสมาเจอกันในปี 1970 จึงได้ปฏิสนธิกันจนกลายมาเป็น Aerosmith โดยชื่อวงได้ โจอี เครเมอร์ เป็นคนตั้ง เขาปิ๊งไอเดียระหว่างชั่วโมงภาษาอังกฤษ ที่เรียนเกี่ยวกับเรื่อง Arrowsmith นวนิยายชื่อดัง ที่ตีพิมพ์ในยุค 20s ซึ่งได้รับรางวัล Pulitzer Prize แต่ ซินแคลร์ ลูอิส ผู้แต่ง ปฏิเสธการรับรางวัล (ว่ากันว่าเป็นนวนิยายเรื่องแรกๆ ที่ใช้วิทยาศาสตร์ดำเนินเรื่อง เคยถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์และดัดแปลงบทออกฉายทางโทรทัศน์ด้วย) ตัวเอกของเรื่องนี้ชื่อ Martin Arrowsmith กระนั้นเขานำมาดัดแปลงเขียนใหม่ว่า A-E-R-O (แปลว่า เกี่ยวกับการบิน) ความคิดในการตั้งชื่อวงให้ต่างจากปกติก็ได้แรงบันดาลใจมาจากวง Led Zeppelin นั่นเอง

หลังตั้งวงไปได้ไม่นาน แบรด วิตฟอร์ด ซึ่งเรียนในเบิร์กลีย์เหมือนกับ โจอี เครเมอร์ ก็เข้าร่วมวงในฐานะริธึ่มกีตาร์ ถัดมาพวกเขาทั้งห้าได้เซ็นสัญญากับ Columbia Records ก่อนจะมีอัลบั้มแรกที่ใช้ชื่อเดียวกับวงออกมา ดนตรีโดยรวมเป็นร็อคที่เคลือบกลิ่นอายบลูส์ ซึ่งมันก็ห่างไกลจากคำว่าประสบความสำเร็จที่ได้กล่าวไปข้างต้น

.

.

จะสังเกตได้เลยว่า พวกเขาได้รับอิทธิพลมาจากวงอย่าง The Rolling Stones คู่ของ สวีเวน ไทเอลร์ กับ โจ เพอร์รี ก็เทียบได้กับ มิก แจ็คเกอร์ กับ คีธ ริชาร์ด อีกทั้งฉายาของ Aerosmith คือ The Bad Boy from Boston คล้ายกับวงหินกลิ้งที่มีภาพลักษณ์ตรงข้ามกับสี่เต่าทอง The Beatles

สำหรับ Get Your Wings ผลงานชิ้นต่อมา ได้รับการตอบรับที่ดีขึ้นกว่าชุดแรกหน่อย ดนตรีเป็นฮาร์ดร็อคพ่วงด้วยบลูส์ มีเพลงน่าสนใจอย่าง Same Old Song and Dance กับ Train Kept A-Rollin (เพลงคัฟเวอร์ The Yardbirds)

ช่วงเวลาแห่งความสำเร็จมาถึงวงในปี 1975 ด้วยผลงาน Toy in the Attic ซึ่งเป็นที่นิยมด้วยซิงเกิลฮิตอย่าง Sweet Emotion, Walk This Way (ในปี 1986 เพลงนี้ถูกคัฟเวอร์โดย Run-D.M.C. ซึ่งจัดว่าเป็นการผสมพันธุ์ครั้งแรกของคนดนตรีร็อคและแร็ปเลยทีเดียว) และไตเติลแทร็ค ส่งผลให้อัลบั้มนี้มียอดขายถล่มทลายถึง 8 ล้านก็อปปี้เฉพาะในเมืองมะกันบ้านเกิดของวง

ทางด้าน Rocks งานลำดับถัดมา ที่ออกในอีก 1 ปีให้หลัง ถือเป็นหนึ่งในอัลบั้มที่ดิบที่สุดชุดหนึ่งของวง เพลงเด่นในชุดนี้ได้แก่ Back in the Saddle และ Last Child เหล่านักดนตรียุคหลังหลายคนยกย่องว่าเป็นแรงบันดาลใจสำคัญให้กับการเล่นดนตรี อาทิ สแลช มือกีตาร์ หัวหอกแห่ง Guns N Roses, เจมส์ เฮดฟิลด์ ณ Metallica หรือแม้กระทั่ง เคิร์ต โคเบน เจ้าพ่อเพลงกรันจ์

ในขณะที่ Draw the Line (1977) กลับคว้าน้ำเหลว แทบไม่มีเพลงดังให้จดจำ ซึ่งในช่วงนี้ สตีเวน ไทเลอร์ กับ โจ เพอร์รี ก็ประสบปัญหาติดยางอมแงม ยังผลให้ Night in the Ruts (1979) ผลงานชุดที่ 6 ตกต่ำย่ำแย่ลงไปอีก ไม่เพียงเท่านั้น Rock in the Hard Place (1982) อัลบั้มถัดมาที่ไม่มี โจ เพอร์รี มือกีตาร์คู่บุญ รวมทั้ง แบรด วิตฟอร์ด ที่โบกมือลาวงไปอีกคน จึงเปรียบได้กับการขุดหลุมฝังชื่อของ Aerosmith ไปโดยปริยาย แต่อย่างไรก็ดี มือกีตาณ์ทั้งสองก็กลับมาคืนดีกับ สตีเวน ไทเลอร์ อีกครั้งใน Done with Mirror (1985) ที่สามารถกอบกู้ศรัทธาจากแฟนเพลงกลับมาได้

Permanet Vacation (1987) สตูดิโออัลบั้มชุดที่ 9 คือการกลับมาที่สวยหรูของวง มีเพลงดังๆ อย่าง Dude (Looks Like A Lady), Rag Doll และเพาเวอร์บัลลาดอย่าง Angel ปัจจัยที่ทำให้ทางวงกลับมาดังระเบิดอีกครั้ง ก็เนื่องมาจากได้ เคสมอนด์ ไชลด์ นักแต่งเพลงชื่อดังที่เคยทำเพลงดังๆ ให้กับวงอย่าง Kiss และ Bon Jovi มาแล้ว รวมทั้งยังมี MTV เกื้อหนุน คอยเปิดมิวสิควีดีโอเพลง Angel ออกอากาศนับครั้งไม่ถ้วน ในมิวสิควีดีโอเพลงนี้ โจ เพอร์รี ยืนโซโลกีตาร์กลางถนนคนเดียวอย่างเท่ (มาก่อน November Rain ของ GN’R ตั้ง 5 ปี) ซึ่งในยุคนี้ทางวงแต่งองค์ทรงเครื่องแบบวงแฮร์แบนด์อีกด้วย

.

.

ความสำเร็จยังคงต่อเนื่องด้วย Pump (1989) ที่มีซิงเกิลฮิตหลายเพลง ไม่ว่าจะเป็น Love in an Elevator, Janie’s Got A Gun, The Other Side หรือ What it Takes หลายเพลงในชุดนี้มีเครื่องเป่ามาเพิ่มสีสัน

สำหรับ Get A Grip (1993) อัลบั้มนี้นักวิจารณ์บางสำนักไม่ค่อยชอบนัก เนื่องจากทางวงพยายามทำเพลงฮิตให้ติดตลาดจนออกนอกหน้า ด้วยการมีเพลงเพาเวอร์บัลลาดบาดลึกอยู่หลายเพลง ไม่ว่าจะเป็น Cryin, Crazy หรือ Amazing โดยในมิวสิควีดีโอเพลง Cryin ได้ตัว อลิเซีย ซิลเวอร์สโตน มาเปิดตัวให้หนุ่มๆ ได้รู้จัก ในขณะที่เพลง Crazy ก็ได้ ลิฟ ไทเลอร์ ลูกสาวของเฮียสตีเวนมานำแสดงร่วมกับอลิเซียอีกคน (เอ็มวีเพลงนี้ทำให้หนุ่มๆ คลั่งไคล้ได้จริงๆ กับฉากที่สองสาวถอดชุดนักเรียน) ถึงกระนั้นก็ตาม อัลบั้มชุดนี้ก็มีฟีดแบ็กที่ดีจากบรรดาแฟนเพลง มียอดขายถล่มทลายกว่า 9 ล้านก็อปปี้ เฉพาะในอเมริกา

พอมี Big Ones งานรวมฮิตสมัยอยู่กับ Geffen มาในปี 1994 หลังจากนั้น Aerosmith ก็หายจากวงการไปพักหนึ่ง ก่อนจะมี Nine Lives ผลงานชุดที่ 12 ออกมาในปี 1997 ซึ่งมันไม่มีเพลงใดโดดเด่นจนสามารถตีตลาดได้เหมือนดังงานชุดก่อน แม้จะมีซิงเกิลอย่าง Falling in Love (Is Hard on the Knees) กับ Pink ทว่ามันไม่สามารถไต่อันดับไปถึง Top 20 ได้เลย

ในปี 1998 ทางวงปล่อย A Little South of Saity ไลฟ์อัลบั้มแผ่นคู่ที่บันทึกจากทัวร์ยุครุ่งเรืองออกมาแก้ขัด และในปีเดียวกันนี้ Aerosmith ก็ฟื้นคืนชีพอีกครั้งด้วย I Don’t Want to Miss A Thing ซึ่งซิงเกิลสุดฮิตถล่มทลายนี้ก็แผ่อานิสงส์มาถึง Just Push Play อัลบั้มเต็มชุดถัดมาที่ลุล่วงในปี 2001 ไม่น้อย เพลงไตเติลแทร็คและ Jaded ซึ่งมีท่อนฮุคติดหูก็ถือเป็นเพลงดังของชุดนี้

ชีวิตของวง Aerosmith จบลงอีกครั้ง เนื่องจากผลงานคัฟเวอร์อัลบั้มที่ชื่อ Honkin’ On Bobo (2004) ซึ่งนำเอาเพลงบลูส์ในตำนานที่เป็นอิทธิพลของวงมาตีความใหม่ในแบบฉบับตัวเอง พร้อมด้วย The Grind เพลงใหม่เพียงเพลงเดียวในชุดนี้ ทำให้แฟนเพลงเก่าไม่ตอบรับ แฟนใหม่ก็ไม่ได้เพิ่ม ตั้งแต่นั้นเป็นมาชื่อวง Aerosmith ก็ดูเหมือนจะหายไปจากวงการ

.

.

แม้จะมีการออกทัวร์ ออกดีวีดีแสดงสด หรืออัลบั้มรวมฮิตอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจในวงกว้างเท่าใดนัก สมาชิกวงหันไปทำงานส่วนตัว สตีเวน ไทเลอร์ ไปเล่นหนัง และเป็นพิธีกรรายการ American Idol ส่วน โจ เพอร์รีก็ไปออกผลงานเดี่ยว เป็นต้น

กระทั่งปลายปี 2012 Music from Another Dimension อัลบั้มเต็มชุดที่ 15 ก็คลอดออกมา ซึ่งห่างจากอัลบั้ม Just Push Play ถึง 11 ปีเต็ม (ไม่นับ Honkin’ On Bobo ในปี 2004 เพราะ มีแต่เพลงคัฟเวอร์) ดนตรีในชุดนี้หวนกลับไปทำซาวนด์แบบในยุค 80s – ต้น 90s อย่างที่แฟนๆ คิดถึง มีทั้งเพลงฮาร์ดร็อคมันๆ และบัลลาดติดหู

ไม่แน่ใจว่า Aerosmith ได้ใช้ชีวิตที่ 9 ไปแล้วหรือยัง เพราะว่า Music from Another Dimension งานชุดล่าสุดของเหล่าคุณลุงก็แป็กอีกครั้ง อันเนื่องมาจากการตอบรับของแฟนๆ ที่ได้มานั้นต้องบอกว่า “ฝืด” เพราะจนถึงตอนนี้มันยังขายได้ไม่ถึงล้านก็อปปี้ แล้วก็มิอาจไปได้ไกลกว่าอันดับ 5 ในบิลบอร์ดชาร์ตของงานขายดี สำหรับวงใหญ่และดังขนาดนี้ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่น่าผิดหวัง

ถ้าถามว่าวงร็อควงไหนเหมาะสมกับคำว่า “แมวเก้าชีวิต” มากที่สุด คงจะไม่มีวงไหนเหมาะไปกว่า Aerosmith อีกแล้ว และเราก็ไม่รู้ว่าเหล่าคุณลุงทั้งห้าจะสามารถฟืเนคืนชีพมาใช้ชีวิตที่ 10 ได้อีกหรือเปล่าด้วย

ITP TEAM

กองบรรณาธิการ Into The Pit Online

Related Posts

In Flames Discography

In Flames Discography

ซามูไรเมทัลวงแรกของโลก RYUJIN

ซามูไรเมทัลวงแรกของโลก RYUJIN

คาวาอี้เมทัล ALMONDot ไม่เต้น เล่นดนตรี

คาวาอี้เมทัล ALMONDot ไม่เต้น เล่นดนตรี

Dogma วงแม่ชีเมทัล

Dogma วงแม่ชีเมทัล

1 Comment

Comments are closed.