บัตรขายหมด ใน 45 วินาที!

ตอนที่คนไทยรู้ว่า Heilung มาไทยนั้นก็เป็นเวลาที่บัตรหมดแล้ว เพราะบัตรหมดภายใน 45 วินาที (เขร้!) 

ใครจัด ใครซื้อบัตร ประกาศตอนไหน เป็นดราม่าสำหรับสาวกเมทัลมากๆ อธิบายง่ายๆ ที่ดราม่ากันก็เพราะอิพวกชาวร็อคดูเหมือนจะหมดสิทธิ์ดูวงระดับโลกวงนี้แน่ๆ เพราะบัตรทั้งหมดนั่นน่าจะถูกซื้อโดยสาวกในจักรวาลของอาจารย์กายทิพย์ ซึ่งเป็นผู้จัด!

ใครคืออาจารย์กายทิพย์ มาบรีฟสั้นๆ คือโหราจารย์สายนอร์ส ที่ศิษย์เรียกว่าอาจารย์กาย การจัดการครั้งนี้ชัดเจนว่าเพื่อสาวกเมืองกายทิพย์ บัตรคอนเสิร์ตขายพร้อมชุดเครื่องราง แต่ละชุดต่างกันไป บัตรแต่ละโซนได้ชุดบูชาต่างกัน ดังนั้น ถ้าอยากได้ครบทุกชุดต้องซื้อบัตรทั้ง 3 โซน เงิน ทอง นาก เรียกว่าชุด VIP ราคา 20,000 บาท 

สำหรับสาวกเมทัล ชาวร็อค หรือสายคอนเสิร์ต การเสาะแสวงหาบัตรนั้นมีทางเดียวคือ หาคนที่ซื้อบัตร VIP นั่นล่ะ ซึ่งมาในรูปแบบของการซื้อบัตรเข้าชมโดยไม่รับเครื่องราง 

และนั่นก็คือเราแหละ เราและเพื่อนจำนวนหนึ่งที่ได้มีโอกาสไปชมคอนเสิร์ตที่ทรงพลังระดับโลกนี้ 

สาวกอาจารย์กายทิพย์ หาใช่สาวกเมทัลไม่ แต่ ณ จุดนี้แล้วเราไม่ต้องไปสนใจ เพราะจักรวาลอาจารย์กายนี่ล่ะที่ทำให้ Heilung ได้มารู้จักไทยแลนด์แดนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 

อาจารย์กายดูแลระดับห้าดาว ตั้งแต่ลงจากเครื่อง ต้อนรับด้วยหุ่นโจหลุยส์ พาไปวัด กินอาหารหรู นอนโรงแรมดี ระดับที่ผู้จัดทั่วไปก็อาจจะแบกค่าใช้จ่ายไม่ไหว เพราะทั้งวงมีหลายชีวิตมาก ดูด้วยสายตาก็เกือบยี่สิบคนเข้าไปแล้ว 

อาจารย์กายออกมาพูดตอนก่อนคอนเสิร์ตเริ่มว่า นอกจากค่าบัตรที่ขายหมดแล้วก็ยังควักเงินอีกสองล้าน (อันนี้ก็ว่าไปตามที่อาจารย์แกพูดนะคะ)

อันว่าสาวกอาจารย์กายมาจองที่นั่งกันตั้งแต่สิบโมงเช้า ส่วนเราที่ต้องมารับบัตรที่ซื้อต่อ ก็มาตอนบ่ายสอง นำกุญแจ (เครื่องรางสำหรับเข้างาน) มารับบัตรแข็งเข้างาน (บัตรสวยมาก) และริสต์แบนด์ (ริสต์แบนด์นี้ใช้รับเครื่องรางอีกชุดตอนจบงาน)

.

.

บรรยากาศในงานมีทั้งเสื้อวง สินค้าอื่นๆ ของอาจารย์กาย มีภาพสัญลักษณ์ต่างๆ อยู่ทุกมุม แถมด้วยแทททูสติกเกอร์โลโก้วงให้แปะเท่ๆ ที่เก๋กว่าคอนเสิร์ตทั่วไปคือมีชุดไวกิ้งและฉากสำหรับถ่ายภาพระดับสตูดิโอ ก็สนุกสนานกันไป อาจารย์กายบิวด์ศิษย์ไว้ว่าให้ “แต่งตัวเข้าธีม” สาวกทั้งหลายจึงจัดกันเต็มที่ เขียนหน้าเขียนตาละม้ายคล้ายสาวไวกิ้งกัน แต่ก็บางทีก็แยกไม่ค่อยออกว่าเป็นไวกิ้ง โบฮีเมียน หรืออินเดียนแดง ก็แล้วแต่คนจะมอง แต่ที่แน่ๆ คือเหมือนงานคอสเพลย์ไวกิ้ง

ก่อนจะเริ่มคอนเสิร์ต อาจารย์กายขึ้นเวที ‘บรีฟ’ สาวกในจักรวาลของตัวเอง ด้วยการอรรถาธิบาย (ต้องใช้คำนี้ เพราะมันไม่ใช่แค่การอธิบาย) ถึงเนื้อหาในเพลงต่างๆ 

เปิดด้วย In Maidjan ปิดด้วยเพลงที่ 12 Hamrer Hyppyer ตรงนี้อาจารย์แจกคู่มือ อรรถาธิบายเพลงให้ตั้งแต่รับบัตรแข็งหน้างานแล้ว ในคู่มือเล่าถึงที่มาของเพลงต่างๆ ความสำคัญ เบื้องหลังของเพลง มนตรา สัญญะ และหน้าที่ของเพลงในฐานะบทสวดต่างๆ เอาจริงๆ มันมีประโยชน์ ปกติก็ไม่เคยรู้อะไรพวกนี้เลยจนได้มาอ่านนี่ล่ะ อันนี้ชาบูจริงๆ

เครื่องรางจัดเต็มที่แม้กระทั่งใต้เก้าอี้ หลังอาจารย์กายบรีฟเสร็จก็ให้ผู้ฟังล้วงไปใต้ที่นั่ง เอ้า แจกผ้ายันต์อีกด้วย

เอ้า แสงมา วงขึ้นแน่ๆ ยังมีเซอร์ไพรส์ได้อีก ด้วยเปิดการแสดงด้วยวงโนราห์ ใช่ ไม่ผิด โนราห์ของปักษ์ใต้บ้านเรา อาจจะเพราะอาจารย์กายเป็นคนใต้ จึงนำศิลปะการแสดงที่ตนเองรักมาเป็นการเปิดเวทีและผสานรวมกับ Heilung (และมาทราบทีหลังด้วยว่า หอกในการแสดงก็มีหอกของไทยด้วย เพราะวงอยากได้อาวุธของไทยเข้าร่วมเวที)

.

.

Heilung ขึ้นเวทีเปิดการแสดงด้วยการล้อมวงแห่งอักษรรูน เริ่มการกำเนิดแห่งเสียงเพลงและเรื่องเล่าตั้งแต่การสร้างมนุษย์สู่ชีวิตแห่งการเกิด การบูชา การสู้รบ การบาดเจ็บ การตาย และการเกิดใหม่อีกครั้ง นี่เป็นสาสน์ที่เราได้รับจากการแสดง ดนตรี เสียงร้อง เสียงประกอบอื่น เสียงท่วงทำนองของบทกวี เพอร์ฟอร์มานซ์ของนักรบ Heilung แสงที่สาดซัดถาโถมเป็นจังหวะ ส่งมอบพลังทางวิญญาณสู่ผู้ฟัง แต่ใครจะรับได้มากน้อยก็คงขึ้นกับใจที่สัมผัสได้แค่ไหน ถ้ามัวคิดว่าฟังแล้วจะได้โชคก็คงจะเข้าไม่ถึงพลังของธรรมชาติที่ Heilung สื่อสารออกมา 

.

.

เป็นการแสดงที่โคตรดี หัวใจเต้นตามเป็นจังหวะ ตื่นตากับแสงทั้งอ่อนไหว ทั้งกระชากดุดัน ก้าวร้าว ร่างกายตามจังหวะการแสดงของทั้งนักรบและนักร้อง Maria Franz และ Kai Uwe Faust

อัดแน่นทั้งเรื่องเล่า ตำนาน และวัฏฏะของมนุษย์ การบูชายัญ ร้อยเรียงเป็นจังหวะๆ ปิดท้ายด้วยการระเบิดบ้าของร่างกาย เคลื่อนไหวแหวกว่ายอย่างอิสระ

เสียดายไม่มีแอลกอฮอล์